วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
 ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาพังเหยในเขต   ต.บ้านไร่  อ.เทพสถิต  จ.ชัยภูมิ จากกรุงเทพฯ   ใช้เส้นทางสระบุรี - ชัยบาดาล   ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 205   เส้นทางชัยบาดาล - เทพสถิต - ชัยภูมิ     ก่อนถึงอำเภอเทพสถิต จะมี ทางแยกซ้ายมือไปป่าหินงาม อีก  29  กิโลเมตร     หากเดินทางเส้นทางจาก จ.นครราชสีมา   ก็จะใช้เส้นทางนครราชสีมา - เพชรบูรณ์     โดยจะวิ่งผ่าน ต.หนองบัวโคก    ผ่านบ.คำปิง เข้าสู่อำเภอเทพสถิต     และเลี้ยวขวาบริเวณ สามแยกเพื่อจะไปในเส้นทาง เทพสถิต - ซับใหญ่      และหากท่านมาจากตัว เมืองชัยภูมิ ก็ต้องใช้เส้นทาง ระเหว - ซับใหญ่ - เทพสถิต     เมื่อออกจากตัว กิ่งอ.ซับใหญ่จะถึงทางแยกขึ้นอุทยานฯ ก่อนที่จะถึง อ.เทพสถิต... 
 :: แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ::
<< ป่าหินงาม >> 
             "ป่าหินงาม" หรือ   (ลานหินงาม)    อยู่ทางทิศตะวันตกของที่ทำการอุทยานฯ ทั่วบริวเวณเรียงรายไปด้วยหินก้อนน้อย ใหญ่ รูปร่างแปลก ๆ มากมายในพื้นที่กว่า 10 ไร่ เป็นลานหินซึ่งเกิดจากการกัดเซาะดิน  และเนื้อหินทรายมานานนับลานปี   วาง เรียงรายสลับซับซ้อน  อยู่เต็มลานบ้างก็มีรูปรา่างเหมือนกับถ้วยฟุตบอลโลก  บ้างก็เหมือนกบเรด้า  และรูปต่าง ๆ แล้วแต่จะ จินตนาการ  แต่เมื่อดูแล้วชวนให้เกิดความเพลิดเพลินใจเป็นยิ่งนัก... 
<< ทุ่งดอกกระเจียว >> 
                  "ทุ่งดอกกระเจียว"  เกิดจากดอกกระเจียวป่า หลากหลายสายพันธุ์  ที่พร้อมใจกันขึ้นรายรอบบริเวณ ของอุทยานฯและจะมีอยู่บริเวณหนึ่งใช้พื้นที่หลายไร่     ที่จะมีดอกกระเจียวขึ้นอย่างหนาแน่นจนกลายเป็นทุ่ง    ซึ่ง เวลามองดูก็จะเห็นเป็นสีชมพูปนขาว   และมีสีเขียวของลำต้ันและก้านใบเป็นสีเขียวสด   ประกอบกับสีเขียว ของหญ้าทีขึ้นมาแซม ทำให้ทุ่งกระเจียว เขียวขจี สวยงามเหมือนกับทุ่งในทรวงสวรรค์เลย              โดยในช่วงฤดูฝน เริ่มต้นเดือนมิถุนายน     ถึง ปลายเดือนกรกฎาคม ของทุก ๆ ปี    ต้นกระเจียวจะออก ดอกสวยงามตระการตาไปทั่วผืนป่า  จัดได้ว่าเป็น   "นางเอกของอุทยานฯ"  ก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะดอกกระเจียว จะไม่มีให้เห็นเลยนอกเสียจากในช่วงเวลาที่ว่านี่เท่านั้น...
<< จุดชมวิวสุดแผ่นดิน >> 
             "สุดแผ่นดิน"  อยู่ทางด้านทิศเหนือของที่ทำการอุทยานฯ  เป็นแนวหน้าผาและชะง่อนหิน   เป็นจุดสูงสุดบนเทือกเขา พังเหย  สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ  846 เมตร  เกิดจากการดันตัวของแผ่นดินภาคกลาง  (ฉานไทย)  ซุกเข้าไปใต้แผ่นดิน อีสาน (อินโต - ไซน่า)  ทำให้เกิดแผ่นดินที่ยกตัวสูงชัน  เรียกว่า  "สุดแผ่นดิน"  คือเขตรอยต่อของ  3 ภาคอันได้แก่
             1.  แผ่นดินซีกทางอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ชัยภูมิ  (ภาคอีสาน)
             2.  แผ่นดินซีกทางตะวันตกของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ลพบุรี  (ภาคกลาง)
             3.  แผ่นดินซีกทางเหนือของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.เพชรบูรณ์  (ภาคเหนือ)ซึ่งมีความสวยงาม อากาศเย็นสบาย  และในตอนเช้า ๆ จะมีกลุ่มหมอกลอยผ่านหน้าเราไป  เหมือนกับหยอกเย้ากับผู้มาเยือนเลย
   ใกล้ถึงหน้า  "เทศกลาล ท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน"  ประจำปีี 2554 แล้วนะครับ เหลืออีกไม่กี่วัน ที่เราจะได้ชื่นชมความสวยงามของดอกกระเจียว      ซึ่งจะ็บานสะพรั่ง สวยงามจริง ๆ ครับ...ผมก็เป็นอีก คนหนึ่ง หล่ะ ที่ชื่นชม ความงามของสถานที่ท่องเที่ยว   แห่งนี้ มาเป็นระยะเวลาช้านานโข ปีนี้ ถ้าฝน ฟ้า ตกต้องตามฤดูกาล   ที่มันควรจะเป็น      เหล่าบรรดาเจ้าดอกกระเจียวน้อย-ใหญ่ซึ่งกบดานอยู่ใต้พื้นแผ่นดินนับแรมปี  ก็จะมีโอกาสโผล่ขึ้นมาอวดโฉมอัน   สะโอดสะอง ยังกะมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ด     ที่กำลังจะประกวด กันเลยทีเดียวยิ่ิง ถ้าฝนตกชุกหน่อย       พื้นดินเปียกชุ่มเจ้าดอกกระเจียวที่แสนสวยของเราก็จะขึ้น เยอะเต็มท้องทุ่งเลย  มองไปทางไหนก็จะมีแต่สีเขียวชะอุ่ม และสีชมพูแกมขาว  สวยอย่าบอกใครเลย     ถึงแม้ว่าปีกลาย ดอกกระเจียว      จะ มาช้าไปซักนิดนึง แต่เจ้าดอก กระเจียวก็เริ่มทะยอยชูช่อ ยันดอกออกมาให้เราๆ ท่านๆ ได้ยลโฉมกันแล้ว    และสำหรับ ท่านใด ที่ยังไม่เคยมาเยี่ยมเยือนทุ่งดอก กระเจียวธรรมชาติแ้ห่งเดียว ในโลกปีนี้ก็อย่าพลาดนะครับ ตัดสินใจช้า  ท่านอาจจะพลาด โอกาสดี ๆ ที่หนึ่งปีจะมีแค่ครั้งเดียว เท่านั้น ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และอุทยานแห่งชาติไทรทอง ซึ่งทั้งสองที่ ก็มี ความ แตกต่างกันไปใครชอบความสะดวก
   
งานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน ปี 2555เริ่มแล้ว
 

            จังหวัดชัยภูมิ ขอเชิญร่วมงาน "หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว" ในเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม ปี 2555 ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2555 ณ บริเวณอุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และบริเวณอุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ

          โดยภายในงานจะมีการจัดนิทรรศการต่าง ๆ การแข่งขันจักรยานเสือภูเขา ชมทุ่งดอกกระเจียว การจำหน่ายสินค้า OTOP กิจกรรมปีนหน้าผา, ชมวิวสุดแผ่นดิน ชมทุ่งบัวสวรรค์และลานหินงาม 
 



งานวันดอกกระเจียวบาน ทุกปี จะเริ่มงานตั้งแต่ ช่วงเดือน มิถุนายน กรกฏาคม และสิงหาคม ของทุกๆปีโดยช่วงแรกต้นเดือนมิถุนายนจะจัดงาน "วันกระเจียวคืนทุ่ง" โดย อบต.บ้านไร่ และทุกอบต.ในเขต อ.เทพสถิตพร้อมขบวนรถบุปผาชาติจากเหล่าอบต. และโรงเรียนในเขตบ้านไร่รวม 16 ขบวนและชมสาวงามจากชาวบ้านไร่ ในงานประกวด "เทพธิดาดอกกระเจียว" ในปี 2555 นี้ทางจังหวัด จัดวันเปิดงานวันที่ 9 มิถุนายน พร้อมการแสดงต่าง ๆ ทุกอาทิตย์ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ รัศมีไม่เกิน 6 กม.จะแนะนำท่านในช่วงถัดจากนี้ไปพร้อมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชัยภูมิ อื่น ๆ อีกนับหลายสิบแห่งเท่าที่เวลาของท่านมีอยู่ในจังหวัดชัยภูมิ นี้ เมื่อท่านได้มาพักผ่อน ณ.อุทยานแห่งนี้ ท่านสามารถสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นสบายเกือบตลอดปีโดยเฉลี่ยทั้งปี อยู่ที่ 4 - 25 องศา (ในช่วงกลางคืน) และช่วงกลางวัน เฉลี่ยเดือนเมษายน ไม่เคยเกิน 32 องศาจึงทำให้หลาย ๆ ท่านที่ได้แวะมา ณ.อุทยานฯ แห่งนี้เป็นครั้งแรก ต้องแปลกใจกับอากาศที่ แตกต่างจากกรุงเทพฯอย่างสิ้นเชิงและอีกหลาย ๆ ท่านที่เดินทางมาจากทางภาคเหนือตอนบน กล่าวว่า..."อากาศที่นี่ ดีกว่าบ้านเค้าด้วยซ้ำ" และอีกหลายท่านที่เดินทางมาจากทางวังน้ำเขียว(อากาศดีติด1ใน7ของโลก) ยังคาดไม่ถึงว่าที่นี่อากาศไม่แพ้บ้านเค้าเลยนั่นเป็นเพียงการกล่าวจากหลาย ๆ ท่านที่เราได้ยินได้ฟังมา ...แต่จะเป็นจริงดั่งนี้หรือไม่ "ท่านต้องมาพิสูจน์" ด้วยตัวท่านเองและอีกกรณีหนึ่ง หลายท่านที่เดินทางมาณ.อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ยังได้กล่าวให้ได้ยินบ่อยครั้งว่า.....ท่านใดมาเที่ยวที่นี่ หากไม่ได้นอนค้างสัมผัสหมอก และอากาศเย็นในยามค่ำณ.บนอุทยานฯ นี้ "ท่านมาไม่ถึง"



ทุ่งดอกกระเจียว ณ.อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นพรรณไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพียงปีละครั้งเท่านั้นจะเริ่มแทงหน่อใบหูกระต่ายในช่วงต้นฝนประมาณกลางเดือนพค. และจะเริ่มแทงหน่อดอกในช่วงต้นเดือน มิถุนายนสีของดอกกระเจียว จะออกสีชมพูอมม่วง และสีขาว ปัจจุบันมีอยู่หลายสายพันธุ์อีกหนึ่งความงามจากธรรมชาติ ที่ชูช่อเป็นชั้นเหลื่อมสีชมพูอมม่วงคือ พลอยชมพู จะออกดอกช่วงปลายกรกฏาคมความงามของดอกกระเจียว ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นจะไสวพริ้ว ไปจนถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคม ของทุกปีหากท่านไม่ได้มาในช่วงเวลาดังกล่าว คงต้องรอปีต่อไปจึงจะได้มาสัมผัสความงามจากธรรมชาตินี้ดอกกระเจียว เป็นพันธุ์ไม้ที่เกิดขึ้นที่นี่ จัดว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย ช่วงเวลาดังกล่าว ต่างแย่งกันชูช่อพริ้วไสวไปตามสายลมหนาว นอกฤดู ปูพรมด้วยผืนหญ้าสีเขียว ชุ่มช่ำด้วยหยาดน้ำค้าง อาบฉากหลังด้วยม่านสายหมอก ในยามรับรุ่งอรุณของวันใหม่ จึงเหมาะแก่การขึ้นเยือนบนผืน ทุ่งดอกกระเจียวขนาดใหญ่กว่า 1000 ไร่ ในยามเช้าตรู่เพราะหากสายกว่านี้บรรยากาศในการเข้าเยี่ยมสัมผัสจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดินการเข้าไปยังทุ่งดอกกระเจียว ท่านต้องนำรถไปจอดที่ลานจอดรถขนาดใหญ่ซ้ายมือก่อนถึงอุทยานฯ 500 ม.หรือนำรถจอดบริเวณลานจอดรถที่ทางอุทยานฯ จัดให้ แล้วจึงนั่งรถสองแถวท้องถิ่นที่จอดรอรับนักท่องเที่ยวบริเวณทางเข้าอุทยานฯ เพียงท่านละ ๑๐ บาท(ทั้งขึ้นและลง) โดยรถจะจอดให้ท่านลง ณ.จุดท่องเที่ยวต่าง ๆและท่านสามารถขึ้น-ลง รถคันใด ๆ ก็ได้ โดยขากลับลงมา รถฯ จะส่งท่านยังจุดเดิมที่ท่านขึ้นครั้งแรก
 
 



This My Blog has objectivity for Study & recommended attractions in Thailand.
Thank Credit  http://www.kukrajeaw.com/

น้ําตกเจ็ดสาวน้อย

อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย อำเภอมวกเหล็ก จ.สระบุรี ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอมวกเหล็ก และอำเภอวังม่วง มีลำห้วยมวกเหล็กไหลผ่าน จุดเด่นซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวคือ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย เป็นน้ำตกที่ไหลลดหลั่นมาตามแนวลำธาร มีประมาณ 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูงราว 2-5 เมตร แอ่งน้ำมีบริเวณที่เล่นน้ำกว้าง และร่มรื่น นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมล่องแก่งเรือคยัคในห้วยมวกเหล็ก ติดต่อได้ที่ที่ทำการอุทยานฯ
กิจกรรม
    เล่นน้ำตก 
    พายเรือคยัก 
    พักผ่อนหย่อนใจ 
    ล่องแก่ง 
    เดินป่าศึกษาธรรมชาติ

    บริเวณอุทยาน มีบ้านพัก ที่กางเต้นท์ ห้องอาบน้ำ มีร้านอาหารบริการ ห่วงยางให้เช่าเล่นน้ำ นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อล่องแก่งเรือยาง เรือคยัก และรถ ATV ได้ด้วย ติดต่อสอบถามข้อมูล โทร. 0 3622 6431 ติดต่อจองบ้านพักอุทยานแห่งชาติที่ โทร. 0 2562 0760 เว็บไซต์ www.dnp.go.th 

    การเดินทาง

    จากตัวเมืองสระบุรี ไปอำเภอมวกเหล็ก ถึงทางแยกถนนสายมวกเหล็ก-หนองย่างเสือ ระยะทาง 41 กิโลเมตร จากทางแยกเข้าสู่อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อยเป็นระยะทางอีก 12 กิโลเมตร หรือเดินทางโดยรถโดยสาร มีรถสายสระบุรี-แก่งคอย-มวกเหล็ก ผ่านหน้าอุทยานฯ 

    จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือ ถ.พหลโยธิน) เมื่อถึงตัวเมืองสระบุรีให้เลี้ยวขวาใช้เส้นทาง สระบุรี-นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 2 หรือ ถ.มิตรภาพ) กม.ที่ 142 ก่อนถึงตลาด อ.ส.ค. ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2224 (มวกเหล็ก-หนองย่างเสือ) ประมาณ 12 กม. ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย

    บนเส้นทางมวกเหล็ก-วังม่วง เส้นทางสาย 2089 มีอุโมงค์ต้นไม้ เกิดจากต้นกระถินใหญ่สองข้างถนนโน้มกิ่งเข้าหากัน ทำให้ถนนร่มครึ้มเป็นระยะทางยาวดูคล้ายอุโมงค์ ถัดไปเล็กน้อยยังมีเนินพิศวง ซึ่งหากจอดรถเข้าเกียร์ว่าง จะเกิดภาพลวงตามองเห็นรถเคลื่อนที่จากที่ต่ำไปยังที่สูง นอกจากนี้ตามเส้นทางสายมวกเหล็ก-หนองย่างเสือ (ทางหลวงหมายเลข 2224) จะมีลำธารไหลเลียบถนนไปตลอดเส้นทางและมีรีสอร์ทของเอกชนหลายแห่งตั้งเรียงรายอยู่ริมธารน้ำตก

    จำนวนผู้ชม: 66303 | คะแนนประทับใจ          5 จากผู้รีวิว 1 | ให้คะแนน/โพสต์รูป | ความคิดเห็นบนเฟสบุค


ลงโฆษณาที่นี่

Gallery รูปภาพ อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย


อุทยานแห่งชาติเจ็ดสาวน้อย
อุทยานแห่งชาติเจ็ดสาวน้อย จอดรถที่ลานจอดรถ ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมครับ ตอนนี้อุทยานแห่งชาติเจ็ดสาวน้อย มีความเข้มงวดเรื่องการทิ้งขยะมากกว่าเมื่อหลายปีก่อน นอกจากจะมีการปรับเรื่องการทิ้งขยะไม่ลงถัง การแยกขยะก่อนทิ้ง รู้สึกว่าตอนนี้น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ดูสะอาดขึ้นมาก

ทางเข้าเจ็ดสาวน้อย
ทางเข้าเจ็ดสาวน้อย เดินย้อนมาเก็บภาพตรงซุ้มประตูก่อนที่จะเข้าไป เพราะถ้าเข้าไปแล้วจะออกมาถ่ายขากลับคงมืดก่อนแน่

น้ำตกเจ็ดสาวน้อย
น้ำตกเจ็ดสาวน้อย จากลานจอดรถเดินลงน้ำตกจะถึงตรงนี้ก่อนเลย เริ่มต้นจากตรงนี้ เป็นลานกว้างผู้คนชอบเล่นน้ำกันตรงนี้มากที่สุดแล้วจะลดลงๆ ตามลำดับของชั้นน้ำตก เพราะไม่อยากเดินไกล อยู่ใกล้ร้านค้า มีสะพานเดินข้ามอำเภอมวกเหล็กไปยังอำเภอปากช่องได้เลย เมื่อข้ามไปแล้วจะมีเส้นทางเดินชมน้ำตกเลียบลำธารไปเรื่อยเหมือนกันกับฝั่งนี้ครับ

น้ำตกเจ็ดสาวน้อย
น้ำตกเจ็ดสาวน้อย พักที่สองของน้ำตกเป็นชั้นไม่สูงมากนักอยู่ห่างจากชั้นแรกที่มีคนเล่นน้ำอยู่ไม่ไกลนัก

น้ำตกเจ็ดสาวน้อย
น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ขั้นนี้เริ่มมีความสูงให้เห็น น้ำตกเจ็ดสาวน้อยแต่ละชั้นจะมีเชือกและทุ่นขึงขวางลำน้ำไว้เรียกว่าเครื่องช่วยชีวิต ในบางครั้งเพราะกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวหากนักท่องเที่ยวพลัดตกกระแสน้ำก็จะได้มีอะไรให้เกาะ

สายน้ำพลิ้ว
สายน้ำพลิ้ว ความกว้างของน้ำตกชั้นนี้อาจจะประมาณ 8 เมตร ถึง 10 เมตรได้ ความสูงตลอดแนวความกว้างเกือบจะเท่ากันหมด เป็นส่วนโค้งตลอดแนวด้วย

สายน้ำพลิ้ว
สายน้ำพลิ้ว บางส่วนของน้ำตก ถ่ายให้แคบเข้ามาจะได้เห็นสายน้ำได้ชัดๆ น้ำตกเจ็ดสาวน้อยบริเวณนี้ความจริงค่อนข้างเชี่ยวเห็นได้ชัดแต่พอถ่ายให้น้ำดูฟุ้งนุ่มก็เลยไม่เห็นความเชี่ยว

ทางเดินเลียบธารน้ำ
ทางเดินเลียบธารน้ำ ทางเดินในน้ำตกเจ็ดสาวน้อยค่อนข้างร่มรื่น เลียบกับลำน้ำไปเรื่อยๆ มีทั้งหมด 7 ชั้น

สาวน้อย 4 จุดอันตราย บริเวณนี้เป็นจุดห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวไว้ และยังมีศาลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตรงนี้ด้วย

ทางขึ้นลานจอดรถ
ทางขึ้นลานจอดรถ สาวน้อย 4 มีทางกลับขึ้นสู่ลานจอดรถได้ไม่ต้องย้อนกลับไปจนถึงชั้นแรก

ศาลาน้ำตกเจ็ดสาวน้อย
ศาลาน้ำตกเจ็ดสาวน้อย เป็นจุดนั่งพักผ่อนที่มีคนมาใช้บริการเป็นประจำ สำหรับชั้น 4 ของน้ำตกเจ็ดสาวน้อยเสียดายที่ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้เพราะเชี่ยวเกินไป และจุดนี้เป็นจุดที่น้ำลึกมากครับ แต่ก็มีวิวสวยๆ ให้ชมครับ

น้ำตกเจ็ดสาวน้อย 4 นี่เป็นจุดที่อันตรายของน้ำตก ห้ามลงเล่นน้ำ ความสูงของน้ำตกบริเวณนี้สูงกว่าชั้นอื่นๆ ที่ผ่านมา ความกว้างก็ประมาณ 10 เมตร ถึง 12 เมตร เป็นขอบน้ำตกโค้งเหมือนกันแต่สูงกว่า

น้ำตกเจ็ดสาวน้อย 4 ชื่อของน้ำตกเจ็ดสาวน้อย มีที่มาตามคำบอกเล่าของชาวบ้านว่า มีนักท่องเที่ยวจมน้ำเสียชีวิตในวันเดียวกัน จำนวน 7 คน ซึ่งแต่ละคนนั้นล้วนเป็นหญิงสาวทั้งหมด ส่วนอีกสมมุติฐานหนึ่งกล่าวว่า เดิมทิศเหนือของน้ำตกมีหมู่บ้านหนึ่งชื่อว่า "บ้านเสาน้อย" ซึ่งต่อมาชาวบ้านได้เรียกเพี้ยนกลายเป็นสาวน้อย จึงพอสรุปว่าขื่อ "น้ำตกเจ็ดสาวน้อย" มีที่มาตามสองสมมุติฐานดังกล่าว
 วนอุทยานเจ็ดสาวน้อย จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2523 โดยการสำรวจของเจ้าหน้าที่กองบำรุง กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเนื้อที่ 540 ไร่ อยู่ในพื้นที่อำเภอปากช่องจังหวัดนครราชสีมา 351 ไร่ และอยู่ในอำเภอมวกเหล็กจังหวัดสระบุรี 189 ไร่ โดยมีคลองมวกเหล็กเป็นเส้นแบ่ง

น้ำตกเจ็ดสาวน้อย 4 ภาพนี้เป็นภาพจากอีกทริปหนึ่งที่ได้ไปน้ำตกเจ็ดสาวน้อย แต่เป็นเพราะไม่ได้ตั้งใจไปตั้งแต่แรก เป็นทางผ่านครับ เลยได้มาชั้นเดียวน่าเสียดายมาก สภาพน้ำใสเขียวสวยมากในช่วงปีใหม่ 2554 ที่ผ่านมานี้เอง อยากจะเก็บให้ครบทุกชั้นใหม่ตั้งแต่ต้นจะได้เขียวสวยเหมือนๆ กัน

น้ำตกเจ็ดสาวน้อยช่วงน้ำใส
น้ำตกเจ็ดสาวน้อยช่วงน้ำใส อุตส่าห์มาทั้งทีเจอเจ็ดสาวน้อยสวยใสแบบนี้จะถ่ายมามุมเดียวก็กระไรอยู่ เอามาให้ดูอีกมุมนึงครับ ด้านข้างเหนือน้ำตกที่ทางอุทยานห้ามเดินข้ามมาเด็ดขาด หากจะข้ามต้องข้ามที่สะพานแขวนซึ่งเดินข้ามอำเภอมวกเหล็กไปอำเภอปากช่อง เพราะสายน้ำลำธารน้ำตกเจ็ดสาวน้อยเป็นเส้นแบ่งระหว่าง 2 อำเภอ และแต่ละอำเภออยู่กันคนละจังหวัด อำเภอมวกเหล็ก สระบุรี อำเภอปากช่อง นครราชสีมา เช่นเดียวกันกับลำธารน้ำตกมวกเหล็กนั่นเองครับ

แถมมุมสุดท้าย
แถมมุมสุดท้าย จบการนำเที่ยวน้ำตกเจ็ดสาวน้อยไว้เพียงเท่านี้ก่อน ไว้โอกาสหน้าจะมาใหม่กับภาพน้ำใสๆ เขียวๆ มรกต สวยๆ ของน้ำตกเจ็ดสาวน้อยแบบครบทุกชั้นครับ



This My Blog has objectivity for Study & recommended attractions in Thailand.

น้ำตกป่าละอู










น้ำตกป่าละอู อยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในท้องที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากหัวหินประมาณ 60 กิโลเมตร ใกล้หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กจ.3 (ห้วยป่าเลา)  เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีความสูง 15 ชั้น ไหลลดหลั่นลงมาเป็น ทางยาว ชั้นที่ 1-3 เหมาะสำหรับการเล่นน้ำ เนื่องจากน้ำตกชั้นที่สูงขึ้นไปต้องปีนป่ายไปตามโขดหินสูงชัน น้ำตกชั้นที่สวยที่สุดคือ น้ำตกชั้นที่ 7 มีแอ่งน้ำใหญ่อยู่ท่ามกลางป่าร่มครึ้ม


ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ มีน้ำตลอดทั้งปี มีจุดที่สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากบริเวณน้ำตกปกคลุมด้วยป่าทึบ จึงมีฝนตกเกือบทุกวัน ช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุดคือระหว่างเดือน สิงหาคม ถึง มีนาคม เพราะจะมีน้ำมาก และฝนเริ่มทิ้งช่วง การเดินทางไม่ลำบากมาก ในฤดูหนาวอุณหภูมิเคยลดต่ำสุดถึง 6 องศาเซลเซียส น้ำตกชั้นแรก ๆ เป็นน้ำตกขนาดเล็ก จากชั้นที่ 5 เป็นต้นไปมีขนาดสูงใหญ่ขึ้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะชมความงาม ของน้ำตก ถึงบริเวณชั้น 7 เท่านั้น เนื่องจากน้ำตกแต่ละชั้นสูงชัน ต้องปีนป่ายพอควร จากชั้นที่ 7 เป็นทางสามแพร่ง หากไปทางขวาจะไป น้ำตกคลองปราณ ใช้เวลาเดินประมาณ 1 วันจึงจะถึง หากไปทางซ้ายจะเข้าเขตป่าละอูซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของชาวกะเหรี่ยง กะหร่าง จากน้ำตกชั้นที่ 15 ไปอีกไม่ไกลจะถึงเขตพรมแดนไทย-พม่า
ด้วยสภาพธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ ทำให้น้ำตกป่าละอูเป็นแหล่งสัตว์ป่าหายากจำนวนมาก เช่น ช้างป่า กระทิง เสือดาว เลียงผา เป็นต้น สัตว์ที่พบเห็นได้ง่ายคือชะนีและค่าง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่ชอบดูนก ยังสามารถดูนกระหว่างทางไปป่าละอูและ บริเวณน้ำตก นกที่พบเห็นได้ เช่น นกขุนแผนหัวแดง นกบั้งรอก นกหัวขวานใหญ่สีเทา นกคัดคูหางแพน เป็นต้น

ในช่วงเดือน เดือน เมษายน ถึง กรกฎาคม ในป่าละอู อาจเห็นผีเสื้อเป็นฝูงนับร้อยตัวอยู่ตามโป่ง โดยเฉพาะตามลำธาร หรือน้ำตก เพราะอุดมไปด้วยธาตุอาหารที่ผีเสื้อต้องการ จุดดูผีเสื้อที่สำคัญ คือ สะพานข้ามห้วยชลนาฎ เป็นสะพานคอนกรีต อยู่ระหว่างทางไป น้ำตกป่าละอู ที่วังสมพง บริเวณชั้นที่ 1 ของน้ำตกป่าละอู และบริเวณฝาย 1 อยู่ใกล้ห้วย ไม่ไกลจากบ้านพักเจ้าหน้าที่ บริเวณที่ กล่าวมามีผีเสื้อหลายชนิดที่พบเห็นได้ง่าย เช่น ผีเสื้อจรกา ผีเสื้อสีอิฐธรรมดา ผีเสื้อหางแหลม หรือผีเสื้อที่หายาก เช่น ผีเสื้อเจ้าชายดำ ผีเสื้อลาย  นอกจากนี้บริเวณที่กางเต็นท์ของอุทยานฯ ก็สามารถดูผีเสื้อได้เช่นกัน เพราะเป็นบริเวณที่มีลำธาร ซึ่งไหลมาจากน้ำตก ผีเสื้อในป่านี้มีให้เห็นตลอดปี แต่ช่วงที่มีมากที่สุดคือ เดือน เมษายน ถึง กรกฎาคม เวลาที่เหมาะแก่การดูผีเสื้อ คือช่วงเช้า เพราะผีเสื้อจะมาเกาะตามใบไม้เพื่อผึ่งแดดให้ร่างกายและปีกอบอุ่นแข็งแรงก่อนที่จะออกหาอาหาร


ที่พักน้ำตกป่าละอู


 นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท เด็ก คนละ 10 บาท  บริเวณทางเข้าน้ำตกมีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มคอยให้บริการนักท่องเที่ยว

ในกรณีที่ต้องการพักค้างแรม ทางอุทยานฯ มีบริการเต็นท์ให้เช่า คนละ 100 บาท/คน/คืน หรือ จะนำเต็นท์มาเองก็ได้ และมีบ้านพักจำนวน 4 หลัง  ที่พักจะอยู่บริวเณที่หน่วยพิทักษ์อุทยานน้ำตกป่าละอู ห่างจากน้ำตกประมาณ 4 ก.ม.  ติดต่อขออนุญาตพักค้างแรมในเขตอุทยานฯ ได้ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานน้ำตกป่าละอู อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110 หรือ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โทร. (032) 459293 หรือจะติดต่อได้ที่อุทยานแห่งชาติกรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 561–4292 ต่อ 724-5 , 579-5734 , 579–7223

การเดินทางไปน้ำตกป่าละอู



1.โดยรถยนต์ส่วนตัว
จากตัวเมืองหัวหินใช้ทางหลวงหมายเลข 3219 ตรงไปตามทางจนผ่านสี่แยกหนองพลับ ผ่านแยกบ้านห้วยผึ้ง จนถึงชุมชนบ้านฟ้าประทาน มีสามแยกถนนตัดผ่านเลี้ยวขวาไปตาม เส้นทางผ่านอ่างเก็บน้ำป่าละอูและถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียม อช. จาก ด่านฯ เป็นถนนลาดยาง 2 กม. และเป็นลูกรังอีก 2 กม. ถึงลานจอด รถใกล้ธารน้ำตก
2.รถประจำทาง
ขึ้นรถสองแถวสายหัวหิน-บ้านป่าละอู ลงที่บ้านฟ้าประทาน แล้วเหมารถสองแถวไป ราคา 800 บาท






This My Blog has objectivity for Study & recommended attractions in Thailand.
Thank Credit 
http://www.paiduaykan.com/province/central/prachuapkhirikhan/palauwaterfall.html

อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา

 อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา -  เขาวง (ป่าดงดิบสมบูรณ์ผืนสุดท้ายของจังหวัดระยอง)
อยู่ห่างจากตังเมืองระยอง 71 กม. ถือเป็นสภาพธรรมชาติแหล่งสุดท้ายของจังหวัดระยอง มีเนื้อที่ประมาณ 83.6 ตร.กม (52,300 ไร่) ตั้งแย่กิ่งอ.เขาชะเมา จ.ระยอง และ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี  ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2518 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 13 ภายในเขตอุทยานฯ ประกอบด้วยป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้จำพวกว่านต่างๆ ขึ้นอยู่ทั่วไป มีน้ำตก หน้าผา และถ้ำที่สวยงามและมีชื่อเสียงหลายแห่ง นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา - เขาวง ยังมีแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญที่สุดคือ แม่น้ำประแสร์ และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจภายในเขตอุทยานฯ อีก หลายแห่ง ได้แก่
 น้ำตกเขาชะเมา (น้ำตกคลองน้ำใส)แยกจากถนนสุขุมวิท ที่ กม. 274 เข้าไป 17 กม. เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา - เขาวง และเป็นที่ตั้งของที่ทำการของอุทยานฯ น้ำตกเขาชะเมา มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีความยาวของช่องน้ำตกประมาณ 3 กม. แต่ละชั้นของน้ำตกมีลักษณะเป็นวังน้ำสวยงาม มีทั้งหมด 8 ชั้น และมีชื่อเรียกแต่ละชั้นต่างกัน คือ วังหนึ่ง วังมัจฉา วังมรกต วังไทรงาม ผากล้วยไม้ ช่องแคบ หกสาย และผาสูง และที่วังมัจฉา เป็นวังน้ำใหญ่มีฝูงปลาพลวงอยู่มาก ซึ่งเป็นที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวและถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของน้ำตกเขาชะเมา
 ผาสวรรค์อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไปประมาณ 1,500 เมตร เป็นจุดชมทิวทัศน์ได้กว้างไกล ระหว่างทางเดินสามารถพบเห็นธรรมชาติที่สวยงามและพันธุ์ไม้นานาชนิด ซึ่งเหมาะสมแก่การศึกษาธรรมชาติวิทยา
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 3 กม. น้ำตกมีอยู่หลายชั้น และตลอดทางขึ้นไปสู่ลำน้ำตกจะเป็นป่าธรรมชาติ มีพันธุ์ไม้จำพวกเฟิร์นและกล้วยไม้ป่าขึ้นอยู่ทั่วไป น้ำตกคลองปลาก้าง นับเป็นน้ำตกที่มีความงดงามมากของอุทยานแห่งนี้
 น้ำตกคลองหินเพลิงเป็นน้ำตกขนาดเล็ก ตั้งอยู่ทางด้านจังหวัดจันทบุรี ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ  10 กม. มีน้ำไหลตลอดปี สภาพป่าบริเวณน้ำตกยังคงความสมบูรณ์ตลอดสองข้างทางมีดงว่าน และดอกไม้ป่านานาชนิดที่สวยงาม แปลกตา มีสัตว์ป่าที่พบเห็นได้ง่าย

 เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเขาชะเมา ตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ระยะทาง 3 กม. ผ่านลานหินแกรนิต หินลอยลักษณะเป็นหินรูปดอกเห็ด โป่งสัตว์ จุดชมวิวผามะค่า จุดชมวิวเขาตาแต้ม วังมัจฉา และวังหนึ่งของน้ำตกเขาชะเมา ระหว่างทางจะพบต้นกฤษณาและ ต้นยางกล่องยักษ์อายุกว่าร้อยปีขนาดแปดคนโอบ
 น้ำตกคลองหินเพลิงเป็นน้ำตกขนาดเล็ก ตั้งอยู่ทางด้านจังหวัดจันทบุรี ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ  10 กม. มีน้ำไหลตลอดปี สภาพป่าบริเวณน้ำตกยังคงความสมบูรณ์ตลอดสองข้างทางมีดงว่าน และดอกไม้ป่านานาชนิดที่สวยงาม แปลกตา มีสัตว์ป่าที่พบเห็นได้ง่าย
 เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเขาชะเมา ตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ระยะทาง 3 กม. ผ่านลานหินแกรนิต หินลอยลักษณะเป็นหินรูปดอกเห็ด โป่งสัตว์ จุดชมวิวผามะค่า จุดชมวิวเขาตาแต้ม วังมัจฉา และวังหนึ่งของน้ำตกเขาชะเมา ระหว่างทางจะพบต้นกฤษณาและ ต้นยางกล่องยักษ์อายุกว่าร้อยปีขนาดแปดคนโอบ
 เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเขาชะเมา ตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ระยะทาง 3 กม. ผ่านลานหินแกรนิต หินลอยลักษณะเป็นหินรูปดอกเห็ด โป่งสัตว์ จุดชมวิวผามะค่า จุดชมวิวเขาตาแต้ม วังมัจฉา และวังหนึ่
งของน้ำตกเขาชะเมา ระหว่างทางจะพบต้นกฤษณาและ ต้นยางกล่องยักษ์อายุกว่าร้อยปีขนาดแปดคนโอบ




การเดินทางไปยังน้ำตกเขาชะเมา

จากกรุงเทพฯ ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 7 ถนนมอเตอร์เวย์ เลี้ยวซ้ายออกอำเภอบ้านบึง เดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 344 ถึงสามแยกอำเภอแกลง เล้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท ถึงตลาดบ้านเขาดิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบ้านเขาดิน ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงสี่แยกพัฒนา จะเห็นป้ายบอกทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง เลี้ยวขวาที่สีแยกพัฒนา ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
จากกรุงเทพฯ ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท ถึงตลาดบ้านเขาดิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบ้านเขาดิน ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงสี่แยกพัฒนา จะเห็นป้ายบอกทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง เลี้ยวขวาที่สีแยกพัฒนา ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ








This My Blog has objectivity for Study & recommended attractions in Thailand.
Thank Credit